Yves Saint Laurent ขบถแห่งวงการแฟชั่น ผู้ปลดเปลื้องขีดจำกัดความเป็นสตรี

Last updated: 7 Aug 2023  |  488 Views  | 

Yves Saint Laurent ขบถแห่งวงการแฟชั่น ผู้ปลดเปลื้องขีดจำกัดความเป็นสตรี

“Fashions fade, Style is eternal” หนึ่งในวาทกรรมคุ้นหูจนนับว่าเป็นประโยคที่ถูกยกขึ้นหิ้งไปเสียแล้วจาก Yves Saint Laurent อัจฉริยะผู้ครอบครองเสียงปรบมืออย่างล้นหลามบนรันเวย์ วันนี้แบคนิฟิคจะพาทุกท่านย้อนกลับไปดูยังจุดเริ่มต้นที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กลับยืนยงความเป็นแบรนด์ได้อย่างแข็งแกร่งนาน    เกือบ 70 ปี จากความรักสู่ความผิดหวัง จากความชิงชังแปรผันเป็นการหักหลัง ความเจ็บปวด ความกดดันผลักดันให้ Yves Saint Laurent กลายเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ผู้ปฏิวัติขนบเดิม เปลี่ยนแปลงวงการแฟชั่น และขึ้นแท่นแบรนด์ในตำนานจวบจนทุกวันนี้

 

 

เด็กหนุ่มจากแอลจีเรีย สู่ดีไซเนอร์ในปารีส

ณ ประเทศแอลจิเรีย เมืองออราน ปี 1936 มีเด็กชายคนหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวที่เพียบพร้อม โดยมีคุณพ่อเป็นผู้สืบเชื้อสายจากบารอน มาตีเยอ เดอ โมเวียร์ และคุณแม่เป็นถึงลูกสาววิศวกรชาวเบลเยี่ยมโดยเด็กชายคนนั้นมีชื่อว่า อีฟส์ มาติเออร์-แซงต์-โลรองต์ (Yves Mathieu-Saint-Laurent) เป็นลูกชายคนโตสุด และมีน้องสาวอีก 2 คน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเพศสตรีช่วงเวลาในวัยเด็กของโลรองต์จึงมักมีกิจกรรมที่ชอบทำคือ การพับตุ๊กตากระดาษ เขาได้รับสายเลือดแฟชั่นมาจากผู้เป็นแม่อย่างล้นเปี่ยม

เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงชีวิตวัยรุ่นเขาได้เปลี่ยนจากการสร้างชุดให้ตุ๊กตากลายเป็นตัดเย็บเสื้อผ้าให้มนุษย์ ซึ่งคนแรกที่เขาได้รังสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นล้ำค่านี้ให้ก็คือคุณแม่ของเขานั่นเอง กระทั่งปี ค.ศ. 1953 จุดประกายความฝันที่จะเป็นดีไซเนอร์ถูกจุดขึ้นเมื่อโครงการ Young Fashion Designers ที่จัดตั้งโดย International Wool Secretriat เปิดรับสมัคร โลรองต์ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 3 หลังจากส่งแบบร่างเสื้อผ้าของตนเข้าร่วมการประกวดในครั้งนี้ด้วย ทำให้เขาถูกเชิญเข้าร่วมรับรางวัลที่ประเทศฝรั่งเศส และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นดีไซเนอร์ระดับโลก

 

 

ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความรัก

ด้วยความหลงใหลในการออกแบบเสื้อผ้าที่มีเต็มเปี่ยมจนไปสะดุดตา Michel de Brunhoff บรรณาธิการของนิตยสาร Vogue ประเทศฝรั่งเศส Brunhoff ได้ประทับใจกับผลงานการออกแบบของโลร็องเป็นอย่างมากจึงได้แนะนำให้ไปสมัครเรียนที่ Chambre Syndicale de la Couture สถาบันเกี่ยวกับด้านการออกแบบเสื้อผ้าชื่อดัง แต่เมื่อโลร็องได้เข้าไปเรียนจึงพบว่า เขาไม่ได้ชอบที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยมากนักจึงได้ทำการลาออก ในขณะเดียวกันก็ได้ลองส่งผลงานเข้าประกวดในโครงการเดิมอีกครั้ง และครั้งนี้เขาได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง

ด้วยพรสวรรค์และความพยายามทำให้ผลงานของเขาไปเข้าตา คริสเตียน ดิออร์ (Christian Dior) ดีไซเนอร์ห้องเสื้อชื่อดัง ทำให้เขาได้รับโอกาสร่วมงานกับดิออร์ และหลังคริสเตียน ดิออร์เสียชีวิตลง เขาก็ได้รับโอกาสเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าดีไซเนอร์ห้องเสื้อ ท่ามกลางชีวิตที่ประสบความสำเร็จในด้านการทำงาน เขาก็ได้พบรักกับ Pierre Bergé นักธุรกิจหนุ่มที่มาเติมเต็มชีวิตรักของเขา จนโลร็องในขณะนั้นนับว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต

 

 

เพราะชีวิตจริงไม่ได้สวยหรูดั่งบนรันเวย์

ทว่าความสุขที่มีอยู่มักไม่ยืนยง เมื่อหลังจากที่โลร็องเป็นผู้กุมบังเหียน สร้างชื่อเสียงและความสำเร็จให้กับแบรนด์ DIOR ได้ไม่นานเขาได้ถูกเรียกตัวให้ไปเข้าร่วมการรบภายใต้กองทัพฝรั่งเศสในสงครามรบประกาศอิสรภาพของแอลจีเรีย การหักเหของชีวิตที่ฉับพลันทำให้ดีไซเนอร์ที่สร้างสรรค์งานโดยยึดความรู้สึกทางอารมณ์เจอสภาวะเครียดอย่างหนักทางจิตใจ รวมทั้งมีข่าวร้ายจากแบรนด์ที่เคยร่วมสร้างขึ้นมากับมืออย่าง Dior ว่าต้องการที่จะปลดโลร็องออกจากตำแหน่งหัวหน้าและฉีกสัญญาอย่างเด็ดขาด เรื่องราวที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรงทำให้เขาต้องได้รับการบำบัดที่โรงบาลของกองทัพ โดยเขาถูกบำบัดด้วยยาและเยียวยาด้วยการช็อตไฟฟ้า ซึ่งเป็นการรักษาขั้นสูงสุด

 

ถึงแม้ชีวิตจะอยู่ในช่วงมรสุมเลวร้ายทว่าข้างกายของโลร็องยังคงมีแฟนหนุ่มนักธุรกิจอย่างปิแอร์คอยให้กำลังใจและคำปรึกษา ปิแอร์ได้เสนอให้โลร็องออกมาเปิดห้องเสื้อเป็นของตนเอง เพราะเนื่องจากโลร็องเป็นคนมีความสามารถและมีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบในผลงานของเขาอยู่แล้ว จึงเกิดเป็นแบรนด์ Yves Saint Laurent ขึ้นในปี 1961 ความหัวสมัยใหม่ของคู่รักคู่นี้ได้ปรับเปลี่ยนวงการแฟชั่นที่เคยมีคติว่าจะตัดเย็บเสื้อผ้าให้ชนชั้นสูงเพียงเท่านั้น กลายเป็นการขยายความสร้างสรรค์เปิดกว้างตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับทุกเพศทุกคน มุมมองที่เปลี่ยนไป การหลุดจากขีดจำกัดที่เคยมี ทำให้ Yves Saint Laurent ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในฐานะห้องเสื้อและตัวบุลคล




ปลดเปลื้องขีดจำกัดแห่งความเป็นสตรี

อีกหนึ่งผลงานที่สร้างชื่อเสียงเป็นอย่างมากให้กับโลร็องและแบรนด์ Yves Saint Laurent นั่นคือ Le Smoking ในปี ค.ศ. 1996 ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดทักซิโดคลาสสิก นำมาปรับปรุงให้กลายเป็น Pants Suit สูทกางเกงสำหรับผู้หญิง มีความเท่และโฉบเฉี่ยว ทำลายขนบความเชื่อที่ว่าผู้หญิงจำเป็นจะต้องใส่กระโปรงเพียงอย่างเดียว เหตุที่ชุดนี้มีชื่อว่า Le Smoking ก็เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ชายหนุ่มมักจะสวมทักซิโดในการทานมื้ออาหารค่ำ จุดบุหรี่สูบ และพูดคุยสนทนาเรื่องเศรษฐกิจการเมือง ขณะที่ผู้หญิงจะถูกกีดกันแยกออกไปอยู่อีกห้อง โลร็องจึงต้องการยืนหยัดถึงความเท่าเทียมทางเพศ รวมถึงการเรียกร้องสิทธิสตรี และทันทีที่ชุด Le Smoking ถูกเผยแพร่สู่สายตาชาวโลกก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าชุดนี้เป็นการฝืนธรรมชาติ ทำให้หลายคนสับสนทางเพศ มีความรุนแรงถึงขั้นโรงแรมหรือภัตตาคารหรูหลายที่ในเมืองนิวยอร์กออกข้อห้ามหญิงสาวสวมกางเกงเข้ามาใช้บริการ

 

 

แฟชั่นผันเปลี่ยนไปทว่าสไตล์ยังยืนยง

การยืนหยัดในทัศนคติความคิดของตนเอง ความแตกต่างในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ผนวกกับฝีมือการออกแบบที่แยบยลทำให้ท้ายที่สุดแล้ววงการแฟชั่น หรือผู้คนทั่วโลกก็ไม่สามารถปฏิเสธชายหนุ่มอัจฉริยะจากประเทศแอลจีเรียไปได้ จากอดีตเป็นเวลาร่วมเกือบ 70 ปี ที่แบรนด์หรูนี้เพียรสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาให้กับโลกแฟชั่น แม้ Yves Saint Laurent จะไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของแบรนด์ตนเองในปัจจุบัน แต่อัตลักษณ์ของแบรนด์ยังคงเด่นชัดเหมือนวันแรกที่โลร็องได้ปลุกปั้นแบรนด์นี้ขึ้นมา แม้โลกจะเปลี่ยนไป เวลาจะเปลี่ยนแปลง ทว่าจุดยืนของ YSL ยังคงไม่เปลี่ยนไป เฉกเช่นเดียวกับคำที่โลร็องได้เคยกล่าวไว้ว่า “Fashions fade, Style is eternal”

 

Powered by MakeWebEasy.com
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy