เคยสังเกตกันไหม? เวลาเราเดินผ่านห้างหรูหรือเปิด Instagram เห็นเซเลบดาราถือกระเป๋าสวย ๆ หนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้นกระเป๋าสุดคลาสสิกที่มีสัญลักษณ์ ‘CD’ หรือลาย ‘Cannage’ ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Dior แบรนด์แห่งความหรูหราที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 70 ปี และยังคงครองใจสาว ๆ ทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อพูดถึง Dior เราจะนึกถึงความเป็นปารีส ความโรแมนติก และแน่นอนว่าความหรูหราที่ไม่เหมือนใคร กระเป๋า Dior ไม่ใช่แค่เครื่องประดับธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งสถานะและรสนิยมอันดีเยี่ยม วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเสน่ห์ของ Dior Bag และเทคนิคการเลือกซื้อแบบไม่ให้โดนหลอกกัน
ย้อนรอยเข็ม Dior Bag แบรนด์ Luxury ที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน
เรื่องราวของ Christian Dior เริ่มต้นขึ้นในปี 1946 เมื่อ Christian Dior ได้ทำการก่อตั้งแบรนด์ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะทำให้ผู้หญิงดูสวยงามและมั่นใจในตัวเอง หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้หญิงต้องการความสวยงามและความหวังใหม่ และ Dior ก็ตอบโจทย์นั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ความสำเร็จครั้งแรกมาจากคอลเลกชั่น ‘New Look’ ในปี 1947 ที่ปฏิวัติวงการแฟชั่นโลก สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกและทำให้ Dior กลายเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จักในชั่วข้ามคืน จากการออกแบบเสื้อผ้า Dior ขยายไปสู่การผลิตเครื่องประดับต่าง ๆ รวมถึงกระเป๋าที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
Dior Bag แต่ละใบเกิดจากฝีมือช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน การออกแบบทุกรายละเอียดมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้หนังคุณภาพสูง การเย็บด้วยมือที่ประณีต หรือการใส่ใจในทุกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้ Dior Bag แต่ละใบมีเอกลักษณ์และคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร
ทำไม Dior Bag ถึงโด่งดังและได้รับความนิยม
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม Dior Bag ถึงยังได้รับความนิยมมาโดยตลอด ทั้งที่มีแบรนด์เนมหรู ๆ ให้เลือกมากมาย เหตุผลคือ Dior Bag ไม่ใช่แค่กระเป๋า แต่คือศิลปะที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความใส่ใจในทุกรายละเอียด ผ่านการดีไซน์ ฝีเข็ม และการผลิต โดยจุดเด่นที่ทำให้ Dior แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ คือดีไซน์ที่คลาสสิกแบบไร้กาลเวลา อย่างลาย ‘Cannage’ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือรูปทรงกระเป๋า Lady Dior ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังดูสวยสง่าและเข้ากับทุกลุคได้แบบไม่มี out
วัสดุที่ใช้ก็คุณภาพสูง หนังนุ่ม มือจับแน่น ตัวล็อกโลหะน้ำหนักดี ทุกอย่างผ่านการออกแบบและผลิตอย่างพิถีพิถัน ทำให้ Dior Bag ไม่ได้สวยแค่ตอนซื้อใหม่ แต่ยังคงรูปและทนทานไปอีกหลายปี และสำหรับสายลงทุน Dior ก็ถือว่าตอบโจทย์มาก เพราะกระเป๋าหลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่น limited หรือรุ่นคลาสสิก มักจะรักษามูลค่าได้ดี หรือบางครั้งราคายังเพิ่มขึ้นในตลาดมือสองอีกด้วย
แนะนำ 5 Dior Bag สายลูกคุณ สุดน่ารัก สะพายยังไงก็สวย
Lady Dior
Lady Dior ถือเป็นหนึ่งในกระเป๋าที่รวมความประณีตและความสง่างามเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ผลิตจากหนังแท้คุณภาพสูงที่ให้สัมผัสนุ่มมือ น้ำหนักเบา และใช้งานสะดวก ช่องภายในออกแบบมาเพื่อให้จัดเก็บของได้เป็นระเบียบ พร้อมสายสะพายที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสไตล์ จะสะพายไหล่หรือสะพายข้าง หรือถือเป็น Dior Handbag ก็ยังคงดูหรูหรา โดย Dior Bag รุ่นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจาก Princess Diana หรือเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ซึ่งถือกระเป๋ารุ่นนี้ในการออกงานนิทรรศการที่ปารีส จนกลายเป็นภาพจำของผู้หญิงที่มีทั้งความอ่อนโยนและมั่นใจ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กระเป๋าใบนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความคลาสสิกในแบบ Dior
ไม่เพียงแค่ดีไซน์ที่สวยเหนือกาลเวลา แต่ Lady Dior ยังเป็นหนึ่งในไอเท็มที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะรุ่น limited ที่มีความต้องการสูงในตลาดมือสอง กลายเป็นกระเป๋าที่ทั้งสวยและคุ้มค่าสำหรับการลงทุน
ราคาปัจจุบัน: ประมาณ 140,000 – 250,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด วัสดุที่ใช้ในการผลิต และความพิเศษของแต่ละรุ่น
Dior Bobby
สำหรับสายกระเป๋าที่ชอบอะไรเรียบแต่เก๋ ดูน่ารักแบบไม่พยายามมาก Dior Bobby เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าเก็บเข้าคอลเลกชัน กระเป๋ารุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 และได้ผลตอบรับที่ดีจนกลายเป็นรุ่นฮิตอย่างรวดเร็ว ด้วยรูปทรงโค้งมนที่ให้ฟีลหวานละมุนแต่แฝงความหรูในแบบ Dior ไว้อย่างพอดี โดดเด่นด้วยตัวล็อกตรงกลางเป็นสัญลักษณ์ ‘CD’ ขนาดของกระเป๋ากะทัดรัดพกพาสะดวก ใส่ของจำเป็นได้ครบไม่เทอะทะ มาพร้อมสายสะพายที่ปรับเปลี่ยนได้หลายแบบ จะสะพายไหล่แบบชิล ๆ หรือสะพาย crossbody bag ก็ให้ลุคที่ดูเท่มากขึ้น
สิ่งที่ทำให้ Dior Bag รุ่น Bobby น่าสนใจมากขึ้น คือมีวัสดุให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่หนังลูกวัว หนังแกะ ไปจนถึงผ้าใบ Dior Oblique ที่เป็นลายซิกเนเจอร์ของแบรนด์ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่มองหากระเป๋าใช้งานได้ทุกวัน แต่ยังดูมีรสนิยม จะไปทำงาน ออกเดท หรือเดินทางก็เอาอยู่
ราคาปัจจุบัน: ประมาณ 120,000-150,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด วัสดุที่ใช้ในการผลิต
Dior Saddle
Dior Saddle Bag ถือเป็นหนึ่งในกระเป๋าไอคอนิกของ Dior ที่สายแฟชั่นทั่วโลกต่างหลงรัก ด้วยดีไซน์ทรงโค้งสุดเฉพาะตัว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘อานม้า’ ผสมผสานความแกร่งแบบสปอร์ตเข้ากับเสน่ห์ความหรูหราในแบบฉบับของ Dior Bag ได้อย่างลงตัว โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 1999 โดย John Galliano เพื่อเติมเต็มความต้องการของยุคที่โหยหาความแปลกใหม่ กล้าฉีกกรอบ และต้องการฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริง Saddle Bag จึงกลายเป็นไอเทมที่สาว ๆ นิยมใช้ในการมิกซ์แอนด์แมตช์ลุคได้ตั้งแต่ลำลองไปจนถึงลุคกึ่งทางการ
ด้วยน้ำหนักที่เบา พกพาสะดวก ช่องเก็บของแบ่งเป็นสัดส่วน พร้อมดีไซน์ที่ชวนสะดุดตา ทำให้ Dior Saddle Bag ไม่ได้เป็นแค่กระเป๋าใบหนึ่ง แต่กลายเป็นของสะสมที่มีคุณค่าทั้งในแง่การใช้งานและคุณค่าทางจิตใจ โดยเฉพาะในหมู่สาวไทยที่รักแฟชั่นระดับ luxury
ราคาปัจจุบัน: ประมาณ 70,000 บาท – 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด วัสดุที่ใช้ในการผลิต และความพิเศษของแต่ละรุ่น
30 Montaigne
Dior 30 Montaigne คืออีกหนึ่งกระเป๋าคลาสสิกของ Dior ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของแบรนด์ผ่านดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 โดย Maria Grazia Chiuri ชื่อรุ่นมาจากเลขที่ตั้งของ Flagship store อันเป็นตำนานของ Dior บนถนน Rue Montaigne ในปารีส สื่อถึงความหรูหราแบบฝรั่งเศสที่หยั่งรากลึก กระเป๋ารุ่นนี้เน้นดีไซน์ทรงกล่องที่ดูเรียบขรึมแต่งดงาม มีเอกลักษณ์ด้วยตัวล็อก ‘CD’ สีทองด้านหน้า ให้ความรู้สึกคลาสสิกไร้กาลเวลา พื้นที่ภายในกว้างกำลังดี ใช้งานได้ทั้งวันสบาย ๆ หรือแม้กระทั่งงานทางการ
Dior 30 Montaigne จึงเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ชื่นชอบความ quiet luxury เรียบง่ายแต่มีระดับ ไม่หวือหวาแต่ชัดเจน ใช้งานง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดที่พิถีพิถัน เมื่อถือแล้วให้ความรู้สึกมั่นใจ สุขุม และสง่างาม เป็นอีกหนึ่งใบที่กลายเป็นไอเท็มคู่ใจของคนรัก Dior Bag ไปโดยไม่รู้ตัว
ราคาปัจจุบัน: ประมาณ 119,000-130,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด วัสดุที่ใช้ในการผลิต และความพิเศษของแต่ละรุ่น
Dior Book Tote
Dior Book Tote คือหนึ่งในกระเป๋าทรงใหญ่ที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ใบสำคัญของ Dior ภายในเวลาไม่นาน หลังเปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 Dior Bag รุ่นนี้โดดเด่นด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมตรง เรียบง่ายแต่สง่างาม พร้อมงานปักชื่อ ‘Christian Dior’ ที่สื่อถึงความเป็นแบรนด์ได้อย่างเฉียบคม ใช้วัสดุผ้าใบลาย Oblique อันเป็นเอกลักษณ์ และขนาดที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริง Dior Tote จึงตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสวยงามและการใช้งานในใบเดียว ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานที่ต้องพกแล็ปท็อปและเอกสาร หรือวันเดินทางที่ต้องการใบเดียวจบ
นอกจากความจุที่ครบเครื่อง รุ่นนี้ยังมีให้เลือกหลากหลายเฉดสี ตั้งแต่โทนคลาสสิกอย่างน้ำเงิน เบจ และขาว ไปจนถึงลายพิเศษที่เปลี่ยนไปในแต่ละซีซัน ทำให้ Dior Bag รุ่นนี้เป็นมากกว่ากระเป๋า แต่เป็นชิ้นผลงานศิลปะที่พกพาได้ในทุกวัน เติมความ quiet luxury ให้กับลุคประจำวันอย่างลงตัว
ราคาปัจจุบัน: ประมาณ 115,000-150,000 บาท ขึ้นอยู่กับสีและการออกแบบ
How to เช็กกระเป๋า Dior แท้ ซื้อยังไงไม่ให้โดนหลอก
1. ความเรียบร้อยของการตัดเย็บ
Dior Bag ทุกใบจะต้องมีความเรียบร้อย ฝีเย็บสม่ำเสมอ ด้วยเส้นด้ายสีเดียวกับหนัง ลักษณะของฝีเข็มจะมีขนาดเล็กมาก ดูสวย กลมกลืน ไม่มีตำหนิ เส้นด้ายไม่หลุดลุ่ย มีระยะการเย็บที่สม่ำเสมอ และไม่มีความบิดเบี้ยวผิดรูป อีกทั้งรอยเย็บของด้ายจะไม่ลึกมากจนกดส่วนหนังให้จมลงไป และในกระเป๋าที่มีลาย Cannage จะต้องไม่มีความคดเคี้ยว หรือวางในมุมแปลก ๆ
2. หมายเลข Serial Numbers
เลข Serial Number จะมีเลขชุดประด้วยตัวเลข 2 ตัว ตัวอักษร 2 ตัว ตัวอักษร 4 ตัว
ตัวอักษร 2 ตัวนั้นจะเป็นการระบุโรงงานที่ผลิต
“BO” และ “MA” หมายถึงกระเป๋าที่ผลิตในอิตาลี
ตัวเลขหลักที่ 1 และ 3 จะระบุเดือนที่ผลิต
ตัวเลขหลักที่ 2 และ 4 จะระบุปีที่ผลิต
ตัวอย่าง 16-BO-0133 อ่านได้ว่า กระเป๋าใบนี้ผลิตในเดือนที่ 3 ของปี 2013 ที่ประเทศอิตาลี
01-MA-1028 อ่านได้ว่า กระเป๋าใบนี้ผลิตในเดือนที่ 12 ของปี 2008 ที่ประเทศอิตาลี
3. คุณภาพวัสดุ
อะไหล่ Dior Bag ของแท้นั้นจะไม่ได้เรียบและมันเงาทั้งหมด แต่จะเป็นแบบด้านและดูเก่า มีการตกแต่งอย่างเรียบร้อย ไร้ที่ติ หากเป็นรุ่นที่ห้อยตัวอักษร Dior นั้นตัวอักษรจะต้องมีความคมชัด สีของตัวอักษรจะต้องสัมพันธ์กับสีของอะไหล่ในส่วนอื่นๆ ของกระเป๋า อีกทั้งบริเวณแสตมป์อะไหล่ CD ตัวอักษรบนชิ้นงานของแท้นั้นจะต้องมีความหนา วางชิดกัน และเป็นสีทอง ในขณะที่ของปลอมจะไม่มีลายสลักเหมือนกัน เนื่องจากตัวอักษรบางกว่า แคบกว่า
4. ลวดลายแคนวาส
Dior Bag แต่ละรายละเอียดบนงานพิมพ์นั้นถูกปักอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม และอ่านง่ายมาก แม้ว่าตัวอักษรจะซ้อนกันก็สามารถอ่านได้ ไม่เพียงแต่รายละเอียดเท่านั้น แต่ฟอนท์ที่ใช้ในการปักยังมีความแตกต่างกันอีกด้วย
5. แบรนด์สแตมป์
เป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญมากๆ เพราะภายในกระเป๋า Dior ทุกใบจะต้องมีแท็กป้ายหนัง และเป็นจุดที่สำคัญที่สุดที่จะสามารถทำให้เราแยก Dior Bag แท้หรือปลอมได้ ในส่วนของป้ายหนัง มุมของป้ายหนังควรมีความโค้งมนมากกว่าคม ตัวอักษรของแท้จะมีความหนาและสว่างกว่า ในขณะที่ของปลอมสีจะดูซีดกว่า
Bagnifique แพลตฟอร์มซื้อ-ขาย กระเป๋า Dior มือสอง ราคาดี เหมือนใหม่
หากใครกำลังมองหาสินค้า Dior Bag มือสอง หรือกำลังมองหาร้านรับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ที่ให้ราคาดี เราขอแนะนำ Bagnifique แพลตฟอร์มซื้อ-ขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองของแท้ คุณภาพดี แนะนำให้ซื้อ-ขายกับแพลตฟอร์มที่ได้รับความไว้วางใจอย่าง Bagnifique เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ตรวจสอบก่อนซื้อ-ขาย เพื่อให้คุณได้สินค้าที่เป็นของแท้ 100%
สอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่
LINE: @Bagnifique
Facebook: Bagnifiqueth.brandname
Website: www.bagnifiquethailand.com